ทำไมบิตคอยน์ถึงกำลังพุ่งขึ้น และอะไรคือปัจจัยเบื้องหลัง 

2025-07-17 | BTC , ความเคลื่อนไหวของตลาด , บิตคอยน์ , ร่างกฎหมายคริปโต , สภาพคล่องทั่วโลก , เจาะลึกตลาดรายสัปดาห์

บิตคอยน์ ทำสถิติใหม่อีกครั้ง พุ่งทะลุ 123,000 ดอลลาร์ ดึงเหล่านักเทรดให้กลับเข้าสู่โหมดเสี่ยงเต็มพิกัด แต่คำถามคือ นี่เป็นเพียงอีกหนึ่งรอบของกระแสเก็งกำไร หรือมีอะไรเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้างแล้วจริงๆ? 

ถ้ามองลึกลงไป จะเห็นว่ามีพลังขับเคลื่อนสำคัญสองอย่างที่กำลังเกิดขึ้นพร้อมกัน ซึ่งหลายคนยังไม่ทันเชื่อมโยงจุดเหล่านี้เข้าด้วยกัน 

สิ่งแรกกำลังคลี่คลายอยู่ในวอชิงตัน ขณะที่อีกกระแสหนึ่งก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ในระบบการเงินโลก โดยส่งสัญญาณล่วงหน้าแบบเดียวกับที่เคยหนุนให้บิตคอยน์พุ่งแรงมาแล้วหลายรอบ 

และเมื่อรวมทั้งสองสิ่งนี้เข้าด้วยกัน ก็ไม่ยากที่จะเข้าใจว่าทำไมบิตคอยน์ถึงกำลังไต่ระดับขึ้น และทำไมรอบนี้อาจไม่ใช่แค่การพุ่งขึ้นชั่วคราวเหมือนที่ผ่านมา 

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นักลงทุนบิตคอยน์ต้องเผชิญกับคำถามคาใจหนึ่งที่ยังไร้คำตอบจากฝั่งอเมริกา: สหรัฐฯ เอาจริงเอาจังกับคริปโตแค่ไหนกันแน่? 

ตั้งแต่กรณีที่ SEC ไล่จัดการกับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนต่างๆ ไปจนถึงการถกเถียงว่า ETH หรือ stablecoin ควรถูกจัดเป็นหลักทรัพย์หรือไม่ และการขาดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนโดยสิ้นเชิง ทำให้เงินทุนจากสถาบันส่วนใหญ่มักเลือกอยู่เฉยๆ แต่ตอนนี้สถานการณ์กำลังเปลี่ยนไปแล้ว 

สภาผู้แทนราษฎรกำลังผลักดันกฎหมายคริปโตชุดใหญ่หลายฉบับ โดยเฉพาะร่างกฎหมาย Financial Innovation and Technology for the 21st Century Act ที่ถูกออกแบบมาเพื่อระบุให้ชัดเจนว่าใครมีหน้าที่ดูแลอะไร มอบอำนาจกำกับดูแลบิตคอยน์และคริปโตประเภทอื่นให้กับ CFTC มากขึ้น พร้อมทั้งวางกรอบการขอใบอนุญาตระดับชาติให้กับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนและ stablecoin อย่างเป็นทางการ 

บิตคอยน์ไม่ได้พุ่งขึ้นเพราะมีร่างกฎหมายบางฉบับที่อาจจะผ่าน แต่มันเกี่ยวกับสิ่งที่ความชัดเจนด้านกฎเกณฑ์ทำได้: การลบค่าความกลัวออกไป 

หลายปีที่ผ่านมา กองทุนขนาดใหญ่ชอบแนวคิดของบิตคอยน์: จำนวนที่จำกัด เรื่องทองคำดิจิทัล ป้องกันเงินเฟ้อ เครือข่ายชำระเงินระดับโลก แต่พวกเขาไม่ชอบความไม่ชัดเจนทางกฎหมาย ถ้าทีมคอมพลายในองค์กรบอกไม่ได้ว่า SEC จะเข้ามาเล่นงานในวันรุ่งขึ้นหรือเปล่า มันก็ยากที่จะอธิบายกับลูกค้าว่าทำไมถึงควรลงทุนจำนวนมาก 

กฎหมายที่ชัดเจนหมายถึงผู้เล่นรายใหญ่จะสามารถเข้ามาได้เต็มตัว กองทุนบำนาญ บริษัทประกัน กองทุนความมั่งคั่งจากรัฐ กลุ่มเงินขนาดใหญ่ที่เคยเดินเลี่ยงๆ คริปโตมาตลอด พวกเขาอยากมั่นใจว่า ถ้าซื้อบิตคอยน์ไปแล้ว จะไม่ต้องตื่นมาเจอข่าวว่าผู้ดูแลสินทรัพย์ของตัวเองโดนฟ้อง หรือ ETF ถูกแช่แข็ง 

นั่นแหละคือเหตุผลว่าทำไมการวิ่งของบิตคอยน์ตอนนี้ไม่ใช่แค่ FOMO ของรายย่อย มันคือสัญญาณจากฝั่งสหรัฐฯ ว่าคริปโตอาจกำลังจะได้ความชัดเจนทางกฎหมายที่หายไปนาน 

ตอนนี้มาถึงแรงผลักดันที่สองที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงมากนัก: สภาพคล่องทั่วโลก 

การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของบิตคอยน์มักจะสอดคล้องกับแนวโน้มสภาพคล่องแบบง่ายๆ เมื่อธนาคารกลางอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ หรือปริมาณเงิน M2 ทั่วโลกเพิ่มขึ้น สินทรัพย์เสี่ยงอย่างบิตคอยน์ก็มักจะพุ่งขึ้น มันไม่ใช่เวทมนตร์อะไรเลย แค่สภาพคล่องที่มากขึ้นหมายถึงเชื้อเพลิงที่มากขึ้นสำหรับทุกอย่าง ตั้งแต่หุ้น ทองคำ ไปจนถึงคริปโต 

กราฟ M2 ทำตัวเหมือนตัวชี้นำล่วงหน้า 12 สัปดาห์ของบิตคอยน์ ทุกครั้งที่ M2 ขยับขึ้น บิตคอยน์ก็มักจะตามมา ตอนนี้มันชี้ไปที่แนวโน้มที่อาจแตะระดับอย่างน้อย 150,000 ดอลลาร์ ซึ่งเทรดเดอร์ก็กำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิด และนั่นยิ่งเติมเชื้อไฟให้กับการพุ่งขึ้นของตลาดในตอนนี้ 

ดังนั้นในขณะที่พาดหัวข่าวยังเน้นที่กฎหมายคริปโตของสหรัฐฯ เงินฉลาดในตลาดก็หันมาสนใจฉากหลังของสภาพคล่องด้วย ซึ่งการผสมกันของสองแรงนี้แหละที่เป็นตัวขับเคลื่อนการทะยานของ BTC อย่างแท้จริง 

แน่นอนว่ายังมีปัจจัยทางเทคนิคเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย บิตคอยน์สามารถทะลุแนวต้านสำคัญแถวๆ 112,000 ดอลลาร์ได้พร้อมกับปริมาณซื้อขายที่แข็งแรง นั่นทำให้เทรดเดอร์สายโมเมนตัมและอัลกอริทึมเทรดตามกระแสกันเข้ามา 

พอรวมกับการล้างโพสิชันชอร์ต ก็ไม่ยากเลยที่จะเห็นว่าทำไม BTC ถึงทะยานผ่าน 123,000 ดอลลาร์ได้แบบแทบไม่สะดุด 

นี่แหละคือความคลาสสิกของตลาดคริปโต เมื่อความหวังเรื่องกฎเกณฑ์มาชนกับการเบรกกราฟ มันก็กลายเป็นสูตรผสมที่ทรงพลัง และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงได้เห็นแท่งเทียนระเบิดแรงขนาดนี้ในตอนนี้ 

เพื่อยืนยันว่านี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการพุ่งขึ้นรอบใหญ่ บิตคอยน์อาจย่อตัวลงมาทดสอบโซนเบรกเอาท์แถวๆ 112,000 ดอลลาร์อีกครั้ง และถ้าระดับนี้ยังอยู่ ก็อาจเป็นตัวจุดประกายให้ราคาขึ้นต่อได้อีก 

นักเทรดจำนวนไม่น้อยสงสัยว่าแบบนี้แปลว่า alt-season กำลังกลับมาแล้วหรือเปล่า คำตอบคือ มันซับซ้อนกว่านั้น 

ที่บิตคอยน์พุ่งขึ้นก็ส่วนหนึ่งเพราะมันดูเป็นตัวเลือกที่ “สะอาด” ที่สุดภายใต้ร่างกฎหมายคริปโตของสหรัฐฯ ตอนนี้ ในสายตาของสหรัฐฯ บิตคอยน์แทบจะถูกมองว่าเป็นสินค้าคอมมอดิตี้แบบชัดเจน แต่ altcoins โดยเฉพาะเหรียญเล็กๆ ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน อย่างไรก็ตาม ถ้าสภาคองเกรสสามารถวางกรอบกติกาที่ชัดเจนสำหรับตลาดรองได้ นั่นอาจเปิดทางให้เกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ใน Ethereum และเหรียญเล็กๆ อีกหลายตัว 

พูดง่ายๆ ก็คือ บิตคอยน์อาจเป็นผู้ได้ประโยชน์หลักจากการเปลี่ยนแปลงนี้ก่อน แต่ในระยะยาว ถ้ากฎเกณฑ์ชัดเจนเมื่อไหร่ ก็อาจเปิดทางให้ altcoins อีกหลายตัวได้มีพื้นที่วิ่งขึ้นตามมาเหมือนกัน 

มันไม่บ่อยนักที่แรงขับเคลื่อนใหญ่สองอย่างจะมาพร้อมกันแบบนี้: 

  • ความคืบหน้าด้านกฎระเบียบ ที่อาจกระตุ้นให้สถาบันใหญ่เข้ามาลงทุน 
  • สภาพคล่องทั่วโลกที่กำลังไหลเข้ามา ซึ่งที่ผ่านมาเคยเป็นเพื่อนคู่ใจของบิตคอยน์เสมอ 

นี่แหละคือเหตุผลว่าทำไมบิตคอยน์ถึงพุ่งแรง และทำไมรอบนี้อาจจะยังไปต่อได้อีก อย่าละสายตาจากการโหวตในสภาสหรัฐฯ ช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และดูกราฟ M2 ไปพร้อมกัน เพราะสองอย่างนี้รวมกันแล้วกำลังเล่าเรื่องที่นักเทรดคนไหนก็ยากจะเมินเฉยได้ 


การเปิดเผยความเสี่ยง 
หลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส CFD และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงินพื้นฐาน เนื่องจากความเคลื่อนไหวของตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดเดาไม่ได้ อาจเกิดการขาดทุนมากกว่าการลงทุนเริ่มต้นของท่านในระยะเวลาอันสั้น    
โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่านเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายกับเครื่องมือทางการเงินแต่ละประเภทอย่างถ่องแท้ก่อนทำธุรกรรมกับเรา หากท่านไม่เข้าใจความเสี่ยงดังที่ได้อธิบายไว้ในนี้ ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญอิสระ 

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ   
ข้อมูลที่ปรากฏในบล็อกนี้มีไว้เพื่ออ้างอิงทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาให้เป็นคำแนะนำการลงทุน ข้อเสนอแนะ คำเชิญ หรือการเสนอขายหรือซื้อเครื่องมือทางการเงินใดๆ ทั้งนี้ไม่ได้พิจารณาถึงวัตถุประสงค์การลงทุนหรือสถานการณ์ทางการเงินเฉพาะของผู้รับข้อมูลแต่ละราย ผลการดำเนินงานในอดีตไม่สามารถเป็นตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลการดำเนินงานในอนาคต Doo Prime และบริษัทในเครือไม่ให้การรับรองหรือรับประกันใดๆ เกี่ยวกับความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลนี้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากการใช้ข้อมูลนี้หรือลงทุนตามข้อมูลดังกล่าว  
กลยุทธ์ที่กล่าวถึงข้างต้นสะท้อนถึงความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญและมีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้น ไม่ควรใช้หรือพิจารณาเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจซื้อขายหรือคำเชิญชวนให้เข้าทำธุรกรรมใดๆ Doo Prime ไม่รับรองความถูกต้องหรือความครบถ้วนของรายงานนี้และปฏิเสธความรับผิดใดๆ ต่อความเสียหายที่เป็นผลมาจากการใช้รายงานนี้ คุณไม่ควรพึ่งพารายงานนี้แต่เพียงอย่างเดียวเพื่อทดแทนการตัดสินใจของคุณเอง ตลาดมีความเสี่ยงเสมอ และการลงทุนควรใช้ความระมัดระวัง 

วิเคราะห์ตลาดเชิงลึกIconBrandElement

article-thumbnail

2025-07-17 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ทำไมบิตคอยน์ถึงกำลังพุ่งขึ้น และอะไรคือปัจจัยเบื้องหลัง 

บิตคอยน์ ทำสถิติใหม่อีกครั้ง พุ่งทะลุ 123,000 ดอลลาร์ ดึงเหล่านักเทรดให้กลับเข้าสู่โหมดเสี่ยงเต็มพิกัด แต่คำถามคือ นี่เป็นเพียงอีกหนึ่งรอบของกระแสเก็งกำไร หรือมีอะไรเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้างแล้วจริงๆ?  ถ้ามองลึกลงไป จะเห็นว่ามีพลังขับเคลื่อนสำคัญสองอย่างที่กำลังเกิดขึ้นพร้อมกัน ซึ่งหลายคนยังไม่ทันเชื่อมโยงจุดเหล่านี้เข้าด้วยกัน  สิ่งแรกกำลังคลี่คลายอยู่ในวอชิงตัน ขณะที่อีกกระแสหนึ่งก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ในระบบการเงินโลก โดยส่งสัญญาณล่วงหน้าแบบเดียวกับที่เคยหนุนให้บิตคอยน์พุ่งแรงมาแล้วหลายรอบ  และเมื่อรวมทั้งสองสิ่งนี้เข้าด้วยกัน ก็ไม่ยากที่จะเข้าใจว่าทำไมบิตคอยน์ถึงกำลังไต่ระดับขึ้น และทำไมรอบนี้อาจไม่ใช่แค่การพุ่งขึ้นชั่วคราวเหมือนที่ผ่านมา  กฎหมายคริปโตฉบับใหม่เปลี่ยนเกมทั้งกระดาน  ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นักลงทุนบิตคอยน์ต้องเผชิญกับคำถามคาใจหนึ่งที่ยังไร้คำตอบจากฝั่งอเมริกา: สหรัฐฯ เอาจริงเอาจังกับคริปโตแค่ไหนกันแน่?  ตั้งแต่กรณีที่ SEC ไล่จัดการกับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนต่างๆ ไปจนถึงการถกเถียงว่า ETH หรือ stablecoin ควรถูกจัดเป็นหลักทรัพย์หรือไม่ และการขาดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนโดยสิ้นเชิง ทำให้เงินทุนจากสถาบันส่วนใหญ่มักเลือกอยู่เฉยๆ แต่ตอนนี้สถานการณ์กำลังเปลี่ยนไปแล้ว  สภาผู้แทนราษฎรกำลังผลักดันกฎหมายคริปโตชุดใหญ่หลายฉบับ โดยเฉพาะร่างกฎหมาย Financial Innovation and Technology for the 21st Century Act ที่ถูกออกแบบมาเพื่อระบุให้ชัดเจนว่าใครมีหน้าที่ดูแลอะไร มอบอำนาจกำกับดูแลบิตคอยน์และคริปโตประเภทอื่นให้กับ CFTC มากขึ้น พร้อมทั้งวางกรอบการขอใบอนุญาตระดับชาติให้กับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนและ stablecoin อย่างเป็นทางการ  ทำไมบิตคอยน์ถึงชอบร่างกฎหมายคริปโต  บิตคอยน์ไม่ได้พุ่งขึ้นเพราะมีร่างกฎหมายบางฉบับที่อาจจะผ่าน […]

article-thumbnail

2025-07-14 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

พรรคอเมริกาของ Musk ส่งสัญญาณบวกหรือลบต่อหุ้น TSLA? 

อีลอน มัสก์ กลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เรื่องจรวดหรือหุ่นยนต์แท็กซี่ แต่เป็นการเปิดตัวขบวนการทางการเมืองของเขาเองในชื่อว่า “พรรคอเมริกา”  ในมุมแรกอาจดูเหมือนโปรเจกต์ส่วนตัวแปลกๆ ของมหาเศรษฐีอีกชิ้นหนึ่ง แต่ถ้าสังเกตให้ดี มันอาจกลายเป็นหมากตัวใหม่ที่ส่งผลต่อทิศทางการเมืองและเศรษฐกิจในอนาคต และอาจเป็นแรงหนุนต่อหุ้น Tesla (TSLA) ในแบบที่นักลงทุน Wall Street หลายคนยังมองไม่เห็น  พรรคอเมริกาคืออะไร?  แล้วจริงๆ พรรคอเมริกาคืออะไร? และทำไมมัสก์ถึงสร้างมันขึ้นมา?  พูดง่ายๆ นี่คือคำตอบของอีลอน มัสก์ต่อระบบที่เขามองว่า “ล้มเหลว” พรรคอเมริกาเป็นขบวนการทางการเมืองใหม่ ที่ตั้งใจมาท้าทายระบบการผูกขาดของสองพรรคใหญ่ในสหรัฐฯ มัสก์ระบุว่า พรรคนี้เกิดขึ้นเพื่อส่งเสริมเสรีภาพในการพูด เปิดพื้นที่ให้การถกเถียงทางการเมืองกว้างขึ้น และอาจมีบทบาทในการกำหนดนโยบายด้านภาษีและกฎระเบียบที่กระทบต่อธุรกิจของเขาโดยตรง  ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายเกินตัว โค้ดภาษีที่ไม่เป็นธรรม หรือกฎระเบียบที่ขัดขวางเทคโนโลยีใหม่ๆ มัสก์ต้องการลุกขึ้นมาท้าทายทั้งหมดนี้ และสร้างระบบที่ให้ “ไอเดียที่ดีที่สุด” ชนะ ไม่ใช่ “คนที่วิ่งล็อบบี้เก่งที่สุด”  แต่มันยังมีอีกชั้นหนึ่ง พรรคอเมริกาดูเหมือนจะเป็นกลยุทธ์ตอบโต้ของมัสก์ต่อภัยคุกคามอย่างข้อเสนอของทรัมป์ในการเก็บภาษีรถยนต์ไฟฟ้าจากยุโรป ซึ่งอาจกระทบต่อโรงงาน Tesla ในเบอร์ลิน การมีพรรคการเมืองของตัวเอง ทำให้มัสก์ไม่ได้แค่ตั้งรับ แต่รุกกลับเต็มที่ ตั้งเป้าสร้างบทสนทนาใหม่ในสังคม และผลักดันนโยบายที่จะทำให้สหรัฐฯ แข่งขันได้ในเทคโนโลยี พลังงาน และอุตสาหกรรมการผลิตขั้นสูง  พูดให้เข้าใจง่ายๆ: พรรคอเมริกาคือวิธีของมัสก์ในการ […]

article-thumbnail

2025-07-03 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ทองคำ vs บิตคอยน์: อะไรจะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในปี 2025? 

เมื่อพูดถึงการป้องกันความผันผวนของตลาด มีสินทรัพย์อยู่สองประเภทที่โดดเด่น: ทองคำและบิตคอยน์ หนึ่งในนั้นได้รับความไว้วางใจมานานนับพันปี ส่วนอีกตัวแม้จะอายุน้อยแต่ก็สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับโลกการเงินแบบดั้งเดิมได้อย่างน่าทึ่ง  และในตอนนี้ ขณะที่ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์เริ่มคลี่คลายลง และตลาดต่างจับตาการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของพาวเวลล์ สินทรัพย์ทั้งสองนี้ก็กลายเป็นคู่แข่งตัวฉกาจในการดึงดูดเงินลงทุน  แล้วอะไรจะกลายเป็น “หลุมหลบภัยทางการเงิน” สำหรับที่เหลือของปี 2025? มาหาคำตอบไปพร้อมกัน  ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญในตอนนี้  การเจรจาสันติภาพในตะวันออกกลาง รวมถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของทรัมป์ในการลดความตึงเครียดระดับโลก ได้ช่วยสลายความเสี่ยงระยะสั้นครั้งใหญ่ ราคาน้ำมันก็เริ่มเย็นลง ขณะที่ความคาดหวังเรื่องเงินเฟ้อก็เริ่มลดลงเช่นกัน นั่นหมายความว่า ความสนใจของตลาดจะหันไปจับตาธนาคารกลางสหรัฐว่าจะเริ่มลดดอกเบี้ยเมื่อใด  นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่ทองคำและบิตคอยน์จะได้พิสูจน์ว่าใครคือผู้นำตัวจริงในฐานะ “สินทรัพย์ปลอดภัย” ทั้งสองต่างมีแนวโน้มไปได้ดีเมื่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัว ทั้งสองได้ประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงลดลง และทั้งสองยังดึงดูดเม็ดเงินจากนักลงทุนที่วิตกกังวลและต้องการปกป้องอำนาจการซื้อ  แต่ในวันนี้ ใครคือผู้ที่ยืนเหนือกว่า?  ทองคำ vs บิตคอยน์: เปรียบเทียบแบบชัดๆ ในปี 2025  ก่อนจะลงลึกว่าอะไรเป็นตัวขับเคลื่อนตลาดของทั้งสองฝั่ง มาดูภาพรวมกันก่อนว่า ทองคำและบิตคอยน์แตกต่างกันอย่างไรในปัจจัยพื้นฐานที่นักลงทุนให้ความสำคัญมากที่สุดในตอนนี้  ตอนนี้คุณก็เห็นภาพรวมแล้ว ต่อไปมาดูกันว่าทำไมทองคำอาจยังเปล่งประกายได้อีกในปีนี้ และอะไรอาจเป็นแรงผลักดันให้บิตคอยน์พุ่งแรงยิ่งขึ้น  ทองคำ: เป้าหมายถัดไปอาจอยู่ที่ 4,000 ดอลลาร์จริงหรือ?  มาเริ่มกันที่ทองคำ ล่าสุดราคาทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดใหม่ใกล้ 3,500 ดอลลาร์ ก่อนจะย่อตัวลงเล็กน้อย  อะไรคือปัจจัยหนุน? เป็นผลจากหลายปัจจัยที่ประจวบเหมาะ ทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ลดลง การเข้าซื้อของธนาคารกลาง และความกังวลเรื่องเสถียรภาพหนี้ในระยะยาว […]